วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

จิตใจสูงได้เพราะรู้อย่างถูกต้อง

image



สูงเพราะเหตุอะไร สูงเพราะรู้ รู้อย่างถูกต้องตามที่เป็นจริงว่าอะไรเป็นอย่างไร อะไรเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่ตื่นเต้นไม่อะไรหมด ไม่รักอะไร ไม่โกรธอะไร ไม่เกลียดอะไร ไม่กลัวอะไร ไม่ตื่นเต้นอะไร นี่ยังชอบไปดูของเล่น บางทีคนแก่ ๆยังไปชอบดูมวย ไปดูกายกรรมไปดูอะไรที่มันน่าตื่นเต้น นี่เพราะยังไม่เห็นว่าเช่นนั้นเอง ถ้าเขาไปโลกพระจันทร์ได้ก็ตื่นเต้น ที่จริงมันก็เช่นนั้นเองแหละ เมื่อทำถูกต้องเช่นนี้มันก็ไปโลกพระจันทร์ได้ ไม่น่าตื่นเต้นอะไรเป็นเรื่องธรรมดา ๆ นี่ความที่ว่าสูง สูง สูงจนอะไรท่วมไม่ได้ กิเลสท่วมไม่ได้ ความโลภท่วมไม่ได้ ความโกรธท่วมไมได้ ความหลงท่วมไม่ได้ ความทุกข์ก็เกิดไม่ได้ เพราะมันไม่ไปหลงรักหลงโกรธหลงเกลียด แล้วมันไม่เกิดกิเลส แล้วมันไม่เกิดความทุกข์ดอก ความทุกข์เกิดได้เพราะมีกิเลส กิเลสมันเกิดเพราะไม่รู้ตามที่เป็นจริงว่ามันเช่นนั้นเอง มันจึงโง่ไปว่าน่ารักน่าเกลียด ว่าได้กำไรว่าขาดทุน ว่าแพ้ว่าชนะ ว่าสวยว่าไม่สวย เป็นคู่ ๆไปทุกคู่ ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยคู่ มันก็โง่เป็นคู่ ที่จริงมัน


เป็นเช่นนั้นเอง ในเรื่องเหล่านี้มันเช่นนั้นเอง เพราะมันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เป็นไปตามวิสัยโลกเป็นไปตามธรรมดาโลก เพราะไม่เห็นว่ามันเช่นนั้นเองมันจึงเห็นเป็นดีเป็นชั่ว เป็นได้เป็นเสีย เป็นบุญเป็นบาป เป็นสุขเป็นทุกข์ เป็นแพ้เป็นชนะ เป็นมั่งมีเป็นยากจน เป็นอะไรต่าง ๆ ที่จริงมันก็คือเช่นนั้นเอง คือเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมันเช่นนั้นเอง เมื่อเราต้องการจะไม่ยากจน ก็ทำให้ถูกเรื่องเช่นนั้นเองของความไม่ยากจน อยากจะดีก็ให้ถูกต้องตามเรื่องของดีก็ดี แต่ว่า ถ้าไปทำยึดมั่นเข้าแล้ว มันกัดเอาทั้งนั้นแหละ บุญก็ดีความสุขก็ดี อะไรก็ดีถ้าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเราแล้ว มันหนักอกหนักใจ นอนไม่หลับทั้งนั้นแหละ มีหรือเป็นไม่ถูกต้องเพราะความยึดมั่น ขอให้ไปดูในเรื่องนี้ว่า ถ้าไปยึดมั่นว่าเป็นตัวเราหรือของเราแล้ว มันก็หนักอกหนักใจนอนไม่หลับทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดมั่นถือมั่นเอามาเป็น


เราเป็นของเราเลย ให้มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยเช่นนั้นเอง ถ้าเราจะเอามากินมาใช้มาเกี่ยวข้องก็ให้รู้จักเช่นนั้นเอง ใช้อย่างเช่นนั้นเอง อย่าเอามาเป็นตัวกูเป็นของกู ให้มันเป็นเช่นนั้นเองตามธรรมชาติ เงินทอง ข้าวของ วัวควาย ไร่นา ก็มีอย่างเช่นนั้นเอง จะกินจะใช้ก็ทำไปอย่างเช่นนั้นเอง อย่าเอามายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวกูเป็นของกู เป็นตัวเราเป็นของเรา ให้มันเป็นไปเช่นนั้นเองไปตามธรรมชาติ วัวควายก็ให้มันอยู่ในทุ่งนา อย่ามาอยู่บนหัวของเจ้าของ นอนไม่หลับ เงินเอาไปฝากไว้ในธนาคารก็อยู่ในธนาคาร อย่ามาสุมอยู่บนหัวของเจ้าของแล้วนอนไม่หลับ ลูกหลานเหลนก็เหมือนกันแหละ ให้มันเป็นเช่นนั้นเอง ให้มันถูกต้อง อย่ามาสุมอยู่ในอกในใจคนแก่ ๆ จนนอนไม่หลับ นี่เพราะยึดมั่นถือมั่นแล้วมันเป็นอย่างนี้
ทั้งนั้น จะทำให้เป็นทุกข์ทรมาน เรียกว่ามันกัดเอา ถ้าปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ มันก็ไม่ทำอันตราย มันเป็นเช่นนั้นเอง แต่พอเอามายึดถือว่าตัวกู-ของกูมันก็กัดเอาทันที เพราะยึดมั่นถือมั่นมันจึงกัดเอา เหมือนกับว่าถ้าเรายกขึ้นมาหิ้วไว้ มือมันก็หนัก ไม่หิ้วมันก็ไม่หนักมือ ถ้าเราปล่อยวางเสียมันก็ไม่หนักมือ พอเรามาหิ้วมาถือไว้มันก็หนักมือ นั่นแหละคือมันกัดเอา จะมีก็มีโดยที่ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น มีอย่างถูกต้องตามเช่นนั้นเองก็มีได้ มีเงินมีทอง มีอะไรก็มีได้โดยไม่ต้องหนักอกหนักใจ ถ้ามีไม่เป็นแล้วมันก็กัดเอา มันหนักอกหนักใจนอนไม่หลับ เป็นบ้าก็มี ฆ่าตัวเองตายก็มี เพราะมีเป็นตัวกูของกู นี้มันเกิดเข้าใจผิดเป็นตัวเป็นของตัวขึ้นมา มันก็เห็นแก่ตัว เมื่อยึดมั่นก็เกิดความเห็นแก่ตัว เมื่อเห็นแก่ตัวมันก็เกิดกิเลส เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง เมื่อเกิดกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันก็ต้องเกิดความทุกข์แหละ แล้วมันก็ไม่รักผู้อื่น มันก็ไม่ช่วยใครดอก เพราะมันเห็นแก่ตัวมันก็ไม่เห็นแก่ผู้อื่น เพราะเห็นแก่ตัวมันก็ไม่


เห็นแก่ธรรมไม่เห็นแก่ความถูกต้อง มันเห็นแก่ตัวเรื่อยไป เดี๋ยวนี้ในโลกมีแต่คนเห็นแก่ตัวจึงเบียดเบียนกัน เบียดเบียนกัน ดูซิเบียดเบียนกันเท่าไหร่ ที่ไหนก็ตามเพราะเห็นแก่ตัวมันเบียดเบียนกัน เกิดเป็นคนมั่งมีกับคนยากจนเห็นแก่ตัว ต่อสู้กัน คนมั่งมีเป็นนายทุนก็เห็นแก่ตัว คนยากจนเป็นกรรมกรก็เห็นแก่ตัว เป็นคอมมิวนิสต์ นายทุนก็เห็นแก่ตัว คอมมิวนิสต์ก็เห็นแก่ตัว ก็ได้กัดกันไม่มีที่สิ้นสุด นี่มันเป็นเรื่องกิเลสเพราะไปยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวเป็นของตัว แล้วก็มีของสวยของงามของหอมของเอร็ดอร่อยเพิ่มขึ้น ๆ ส่งเสริมความเห็นแก่ตัว เดี๋ยวนี้ในโลกมันยิ่งเห็นแก่ตัว ก็เพราะมันมีการส่งเสริม มีเครื่องส่งเสริม มีของสวยของงามของเอร็ดอร่อยมาส่งเสริม มันก็ยิ่งเห็นแก่ตัวนี้ คนไม่รู้ความถูกต้อง ไม่รู้ความพอดี ไม่รู้ความสงบ รู้แต่ปรุงแต่ง ปรุงแต่ง ส่งเสริม ปรุงแต่งให้ยิ่ง ๆขึ้น ๆไป ไม่มีความถูกต้องในการกระทำ เลยไม่มีพอใจอะไร มีแต่ หิว หิว หิว ต่อไป ได้มาเท่านี้ก็หิวให้มากกว่านี้ แล้วก็หิวต่อไป ได้มาเท่านั้นก็อยาก


มากกว่านั้น ก็หิวต่อไป หิวเรื่อยไป ไม่มีวันหยุดหิว แล้วจะเรียกว่าผู้สูงอายุได้อย่างไร มันก็เท่าเดิมแหละ ถ้ารู้จักลดกิเลส ลดความหิว ลดความต้องการ เห็นว่า โอ๊ยมันเช่นนั้นเองแหละ มันก็เช่นนั้นเองแหละ นั่นแหละ เรียกว่า มีปัญญาสมกับเป็นผู้สูงอายุ รู้จักความถูกต้อง ว่าจะต้องทำจิตใจอย่างไร คิดอย่างไร พูดจาอย่งาไรให้มันถูกต้อง ก็คือธรรม ธรรมะก็คือความถูกต้อง ธรรมะคือหน้าที่ ต้องทำหน้าที่ให้ถูกต้อง หน้าที่ทุกหน้าที่ทำให้ถูกต้อง แล้วก็จะมีความสุข หน้าที่ ๆนั่นแหละคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ คนเหล่านี้ปากว่าเคารพพระพุทธเจ้า แต่ไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ พระพุทธเจ้าเคารพอะไรรู้ไหม ? พระพุทธเจ้าทรงเคารพธรรมะ ,ธรรมะคืออะไร? ธรรมะคือหน้าที่ เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วใหม่ ๆท่านถามตัวเองว่า นี่จะเคารพอะไรต่อไปนี้ เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ใคร่ครวญไปใคร่ครวญมา โอ้ ! เคารพธรรมะ


เคารพธรรมะ จึงประกาศออกว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีต ในอนาคต ในปัจจุบันล้วนแต่เคารพธรรมะ เคารพธรรมะคือหน้าที่ ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง เป็นพระพุทธเจ้าก็ทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่ทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้าดอก เราทั้งหลายเหล่านี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่ทำหน้าที่ของตนก็ไม่เป็นคนดอก ถ้าทำหน้าที่ของเด็กก็เป็นเด็ก ทำหน้าที่ของวัยรุ่นก็เป็นวัยรุ่น ทำหน้าที่ของหนุ่มสาวก็เป็นหนุ่มสาว ทำหน้าที่พ่อบ้านแม่เรือนก็เป็นพ่อบ้านแม่เรือน ทำหน้าที่ของคนแก่ก็เป็นคนแก่ ทำหน้าที่อะไรก็เป็นอย่างนั้นแหละ เพราะฉะนั้นหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ถูกต้อง อยากจะเป็นผู้พ้นทุกข์อยู่เหนือความทุกข์ ก็ทำหน้าที่ให้มันถูกต้อง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น